หนังสือ "ฮวงจุ้ย 8 มหาเศรษฐีโลก" โดย อ.ตะวัน เลขะพัฒน์



          ก่อนที่ผมจะเขียนหนังสือเล่มนี้ ผมต้องถามตัวเองอยู่หลายครั้ง เพราะการเขียนหนังสือสักเล่มที่จะต้องมีการอ้างอิงทั้งเรื่องของประวัติ รูปดวง สถานที่พักอาศัย ไปจนกระทั่งสถานที่ทำงาน ของเหล่ามหาเศรษฐีที่ผมได้เขียนถึงในเล่มนี้นั้น ต้องยอมรับว่าแม้จะไม่ใช่เรื่องที่ยากจนเกินไปนัก แต่ก็ต้องใช้เวลาในการค้นคว้าข้อมูล รวมไปถึงการตรวจทานความถูกต้องให้ “ผิดพลาด” น้อยที่สุด เพราะหนังสือเล่มนี้นั้นผมเองต้องการให้มีทั้ง “สาระและบันเทิง” คือนอกจากจะทำให้ท่านผู้อ่านได้รับความสนุกสนานในมุมของศาสตร์ฮวงจุ้ยและดวงจีนแล้ว ก็ยังสามารถใช้ในการอ้างอิงเชิงวิชาการสำหรับผู้ที่สนใจในศาสตร์ของอภิปรัชญาของชาวจีนอย่างวิชาฮวงจุ้ยและดวงจีนได้ด้วย ผมจึงได้พยายามร้อยเรียงวิธีการเขียนให้เปรียบเสมือนว่าท่านผู้อ่านเองกำลังได้ยืนอยู่ใกล้ๆซินแสที่มีประสบการณ์แล้วเขากำลังเล่าเรื่องราวต่างๆของสถานที่นั้นๆ หรือรูปดวงแบบนั้นๆให้ท่านฟัง เหมือนกับสมัยที่ผมได้เริ่มศึกษาศาสตร์ฮวงจุ้ยและดวงจีน และได้มีโอกาสเดินตามซินแสที่มีชื่อเสียงไปดูการดูฮวงจุ้ยตามสถานที่จริงๆ ทำให้เข้าใจในตัววิชาได้อย่างถ่องแท้ จึงคิดว่าหนังสือเล่มนี้คงให้ประโยชน์กับท่านได้เช่นเดียวกัน


 

          ส่วนการเลือกเหล่ามหาเศรษฐีทั้ง 8 ท่านนี้ นอกจากจะเป็นความชอบส่วนบุคคลของผมแล้ว ก็ยังเป็นเพราะแต่ละคนมีความน่าสนใจที่หลากหลาย น่าติดตาม ผมมั่นใจว่าท่านผู้อ่านต้องไม่เบื่อในการอ่าน ไม่ว่าจะเป็น “บิลล์ เกตส์” ที่ถือว่าเป็นอัจฉริยะที่สร้างไมโครซอฟท์ขึ้นมาได้สำเร็จตั้งแต่อายุน้อยยังเรียนไม่ทันจบปริญญาตรีด้วยซ้ำ จนร่ำรวยเป็นอันดับหนึ่งของมหาเศรษฐีโลกติดต่อกันมาในบางช่วงเป็นเวลาหลายปี และหลายๆคนก็ต้องนำมาเปรียบเทียบเขากับ “สตีฟ จ๊อบส์” อัจฉริยะที่เกิดมาในรุ่นไล่เลี่ยกัน เป็นสองบุคคลที่ต้องถือว่าเป็นคน “มหัศจรรย์” ของยุคนี้ โดยแนวคิดของทั้งสองคนในการทำธุรกิจนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง บิลล์ เกตส์ เน้นการทำสินค้าและบริการในตลาด Mass แต่สตีฟ จ๊อบส์ เน้นการทำสินค้าและบริการในตลาด Niche หรือ บิลล์ เกตส์ เน้นการสร้างสินค้าและบริการที่ตอบสนองความต้องการของคนในช่วงนั้นๆ แต่จ๊อบส์มองทุกอย่างในอนาคต สร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆขึ้นมา หรือบิลล์ เกตส์นั้นเป็นคนที่เยือกเย็น มีโลกส่วนตัวสูง แต่จ๊อบส์นั้นเปิดเผย โดดเด่นในสังคม เมื่อเรามามองจากรูปดวงและฮวงจุ้ยของเขา ก็จะสามารถเห็นสิ่งที่แตกต่างกันได้อย่างชัดเจน


          ส่วนมหาเศรษฐีอีกท่านที่ผมชอบเป็นการส่วนตัวมาก ก็ได้แก่ “วอเรนน์ บัฟเฟตต์” นักลงทุนแบบเน้นคุณค่า ที่ถือได้ว่า “เก่งกาจ” มากที่สุดเท่าที่โลกเราเคยมีมา วอเรนน์นั้นรู้มาตั้งแต่จำความได้ว่าเขาอยากจะเป็น “มหาเศรษฐี” และชัดเจนอีกด้วยว่าเขานั้น “รัก” ในการลงุทนโดยเฉพาะในเรื่องของการลงทุนให้หุ้น เขาเริ่มซื้อหุ้นครั้งแรกตั้งแต่อายุแค่ 11 ปีด้วยซ้ำ สิ่งที่น่ามหัศจรรย์มากๆคือ เขาไม่เคยย้ายบ้านเลยมากว่า 50 ปีแล้ว แม้ว่าจะร่ำรวยจนเป็นมหาเศรษฐีแต่เขากลับอยู่ในบ้านหลักเล็กๆ แต่เชื่อหรือไม่ว่าบ้านหลังนี้ฮวงจุ้ยดีมาก เรียกได้ว่าเป็นบ้านที่มีฮวงจุ้ยแบบไร้พ่ายดีทุกยุคทุกสมัย และถ้าพูดถึงวอเรนน์ บัฟเฟตต์ ก็อดไม่ได้ที่จะต้องพูดถึง “จอร์จ โซรอส” ถ้าคนมองว่าบัฟเฟตต์เป็นตัวแทนด้านสว่างของการลงทุน โซรอสก็เปรียบเสมือนด้านมืดของการลงทุน เขาถูกเปรียบเป็นเหมือนพ่อมดทางการเงินที่เชียวชาญการลงทุนในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นหุ้น น้ำมัน ทองคำ ค่าเงิน หรือตลาดอนุพันธ์ต่างๆ เคยเป็นคนที่ได้ชื่อว่านำ Hedge Fund เข้ามาถล่มค่าเงินบาทของไทยจนเกิดวิกฤติต้มยำกุ้ง เมื่อปี พศ.2540 มาแล้ว แต่เชื่อหรือไม่ว่าแท้จริงแล้ว โซรอสนั้นแรกเริ่มอยากเป็นเพียงนักวิชาการและนักเขียนเท่านั้น!! อะไรทำให้เขากลายมาเป็นมหาเศรษฐีอีกคนนึงของโลกได้ เราสามารถมองเห็นจากรูปดวงและฮวงจุ้ยของเขาได้เช่นเดียวกัน


          และหากเราพูดถึงมหาเศรษฐีในปัจจุบัน อีกท่านที่เราไม่สามารถจะละเลยได้ก็ได้แก่ “คาร์ลอส สลิม” นั่นเอง เพราะในระหว่างปี คศ.2010-2013 กลับกลายเป็นคาร์ลอสนี่เอง ที่ได้รับการยอมรับว่า “ร่ำรวย” มากที่สุดในโลกติดต่อกันมา 3 ปี แม้กระทั่งบิลล์ เกตส์ และ วอเรนน์ บัฟเฟตต์เอง ก็ไม่สามารถจะข้ามผ่านเขาได้ในช่วงเวลานี้ สิ่งที่น่าสนใจคือเขาเป็นชาว “เม็กซิกัน” หรือถ้าจะพูดกันตรงๆคือเขาอยู่ในประเทศที่ยังถือว่าเป็นประเทศที่กำลังพัฒนาเท่านั้น เรียกได้ว่าเป็นมหาเศรษฐีคนแรกที่ไม่ได้มาจากประเทศในโลกที่หนึ่งหรือประเทศที่พัฒนาแล้ว นากจากนี้สิ่งที่เป็นกำลังใจให้กับคนทั่วไปคือสำนักงานใหญ่ของบริษัทเกี่ยวกับโทรคมนาคมของเขานั้นไม่ได้ดูสวยหรูเท่าไรนัก แต่ก็มีฮวงจุ้ยที่ดีได้มากๆ ช่วยส่งให้เขาร่ำรวยได้เช่นเดียวกับมหาเศรษฐีคนอื่นๆ นั่นก็แปลว่าฮวงจุ้ยที่ดีไม่จำเป็นต้องเลิศหรูแต่อย่างใด คนทั่วไปก็สามารถปรับบ้านพักอาศัย สำนักงาน ให้มีฮวงจุ้ยที่ดีได้ นอกจากนั้นเขายังมีรูปดวงที่โดดเด่นในเรื่องของอำนาจ บารมี สอดคล้องกับการทำธุรกิจส่วนใหญ่ของเขาที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับสัมปทานด้วย


          เมื่อเราได้ดูกรณีศึกษาที่ประสบความสำเร็จอย่างมากมายไปแล้วนั้น ก็ลองมาย้อนดูถึงกรณีที่ยังน่าติดตามว่าเขาเหล่านี้จะสามารถกลับมาอยู่บนเส้นทางของการประสบความสำเร็จได้หรือไม่ ผมคิดว่าทุกท่านต้องรู้จัก “ไทเกอร์ วู้ดส์” นักกอล์ฟที่เคยได้รับการคาดหมายว่าจะต้องเก่งที่สุดเท่าที่โลกเราจะเคยมีมา แต่เชื่อหรือไม่ว่าฮวงจุ้ยบ้านเดิมของเขานั้นส่งผลเสียหายเรื่องชีวิตคู่และครอบครัว เมื่อผนวกกับรูปดวงที่อาจมีปัญหาเรื่องเดียวกันได้ ยิ่งกลับกลายเป็นส่งผลเสียหายรุนแรง จนกระทบมาถึงฟอร์มการเล่นกอล์ฟของเขา ทำให้ช่วงปี คศ.2010-2012 ของเขา ถือว่าตกต่ำลงอย่างมากจนหลายๆคนคิดว่าเขาต้องไม่สามารถกลับมาได้อีกแล้ว แต่เมื่อเขาย้ายบ้านมาที่บ้านใหม่ ที่ถือว่ามีฮวงจุ้ยที่ดีกว่าเดิมมากๆ ทำให้เขาเริ่มกลับมาเป็นมือหนึ่งของโลกได้ใหม่ และในท้ายที่แล้วก็น่าเชื่อว่าบ้านหลังนี้จะส่งเสริมให้เขาได้กลายเป็นตำนานของวงการกอล์ฟได้อย่างแน่นอน


          ในกรณีใกล้เคียงกันก็ได้แก่ เจ้าแม่แห่งวงการไลฟ์ไสตล์ อย่าง “มาร์ทา สจ๊วต” ที่เคยอยู่ในบ้านที่มีฮวงจุ้ยที่ดีมากๆมาก่อน จนเธอสามารถสร้างเนื้อสร้างตัวได้จากลูกจ้างธรรมดาจนมาเป็น “กูรู” ในแวดวงการตกแต่งบ้าน การออกแบบไลฟ์ไสตล์ไม่เพียงแต่ในอเมริกา แต่ยังรวมถึงในระดับโลกด้วย แต่เมื่อย้ายบ้านเข้าสู่บ้านใหม่ที่มีฮวงจุ้ยที่แย่กว่าเดิม รวมไปถึงฤกษ์ยามในการย้ายเข้านั้นไม่ส่งเสริม ทำให้เธอได้รับผลเสียถึงขั้นติดคุกจากคดีการซื้อขายหุ้นโดยใช้ข้อมูลภายในนานถึงครึ่งปี!! ต้องมาดูกันว่าเธาจะไหวตัวได้เร็วแค่ไหนในการปรับปรุงฮวงจุ้ยเพื่อให้เธอกลับมาประสบความสำเร็จได้เท่าเดิม


          และปิดท้ายซีรี่ย์แรกของหนังสือฮวงจุ้ย 8 มหาเศรษฐีโลกนี้ก็ต้องขอเขียนถึง “มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก” เด็กหนุ่มอายุไม่ถึง 30 ปีดี (ในปี คศ.2013) แต่สามารถประสบความสำเร็จร่ำรวยในการสร้าง Facebook ขึ้นมาจนกลายเป็นมหาเศรษฐีอีกคนหนึ่ง ความน่าสนใจของกรณีศึกษานี้คือเราจะได้เห็นตั้งแต่การเลือกสถานที่เรียน การเลือกห้องพักในมหาวิทยาลัยของเขา หรือแม้กระทั่งการเลือกรูปแบบของธุรกิจ การเลือกสีสันทั้งในการทำงาน และการใช้ชีวิต ว่าล้วนแล้วแต่ช่วยส่งเสริมพลังในดวงที่เขาขาดไป เมื่อสะสมพลังดีมาได้ตั้งแต่อายุน้อยๆและต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน ก็ช่วยส่งเสริมให้เขาประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว และแน่นอนว่าจะต้องเห็นเขาโลดแล่นอยู่ในความสำเร็จระดับสูงได้ไปอีกนาน


          ท้ายสุดนี้ก่อนที่ท่านจะเข้าไปอ่านเนื้อหาโดยละเอียดของหนังสือที่ผมมีความตั้งใจเขียนให้เป็นหนังสือที่ท่านอ่านได้อย่างประทับใจ ก็ต้องขอเน้นย้ำว่าสำหรับอภิปรัชญาจีนนั้น นักปราชญ์โบราณหรือที่เราคุ้นชินในการเรียกว่า “ซินแส” มีความเชื่อว่าความสำเร็จของเรานั้นมาจาก 3 ปัจจัยได้แก่ อันดับหนึ่งที่สำคัญที่สุดคือตัวเราเอง หรือ “ชะตามนุษย์” เพราะถ้าหากตัวเราเองไม่มีความตั้งใจ ความมุ่งมั่น หรือความพยายามในการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งแล้ว โอกาสของความสำเร็จนั้นต้องถือว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย การทำตัวเราให้ดีเยี่ยมนั้นถือเป็นปัจจัยสำคัญปัจจัยแรกเลยที่เราจะละเลยไม่ได้ ส่วนปัจจัยถัดมาก็ได้แก่ “ชะตาฟ้า” หรือที่เราเรียกว่าดวงชะตานั่นเอง เพราะถ้าเรามีความมุ่งมั่น ความพยายามแล้ว หากเรามีช่วงจังหวะเวลาในช่วงนั้นๆที่ดีแล้ว ก็จะยิ่งส่งผลให้เราประสบความสำเร็จได้ราบรื่นและรวดเร็วมากขึ้น เหมือนเราว่ายน้ำตามกระแสน้ำนั่นเอง แต่หากแม้ว่าช่วงนั้นดวงชะตาเราไม่ดีหรือฟ้าไม่ส่งเสริม แต่ตัวเราเป็นคนที่มีความมานะพยายาม ก็ต้องสามารถผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ไม่มากก็น้อย

         
ส่วนปัจจัยสุดท้ายนั้นก็ได้แก่ “ชะตาดิน” หรือสภาพแวดล้อมของอาคารสถานที่รอบๆตัวเรา หรือที่เราคุ้นชินในการเรียกว่า “ฮวงจุ้ย” นั่นเอง เพราะบ้าน อาคาร สำนักงาน โรงงาน เหล่านี้ล้วนมีสภาพเป็นเหมือนกับกล่องใหญ่ที่คอยสะสมพลังธรรมชาติจากภายนอกให้กับเรา มนุษย์เราเป็นสิ่งมีชีวิตที่ต้องอาศัยพลังงานจากภายนอกในการดำรงชีวิต ไม่ว่าจะเป็นอาหาร น้ำ แสง เสียง หรือ อากาศ ไม่มีใครสามารถปฏิเสธสิ่งเหล่านี้ในการดำรงชีวิตให้มีคุณภาพที่ดีได้ ดังนั้นบ้านหรืออาคารที่มีฮวงจุ้ยที่ดี ก็จะเป็นสถานที่ที่สะสมพลังตามธรรมชาติจากกระแสลม (ฮวง) หรือจากกระแสน้ำ (จุ้ย) หรือ ที่ซินแสเรียกรวมๆว่า “ชี่” หรือพลังปราณของชีวิตมาช่วยเสริมพลังให้กับผู้ที่พักอาศัยในสถานที่นั้นๆได้ ดังนั้นหากเราสามารถผสาน “มนุษย์” “ฟ้า” “ดิน” ให้เป็นหนึ่งได้ ก็ถือว่าเราสามารถจะดึงเอาศักยภาพของเรามาได้มากที่สุด เป็นที่มาหนึ่งของการประสบความสำเร็จได้นั่นเองครับ



ท่านสามารถหาซื้อหนังสือ "ฮวงจุ้ย 8 มหาเศรษฐีโลก" ได้ตามร้านหนังสือชั้นนำทั่วไป ทั้ง ซีเอ็ด, นายอินทร์, Book Smile ฯลฯ ในราคา 240 บาท

 



หน้าแรกฮวงจุ้ย....