วางฮวงจุ้ยอาคาร AIA Sathorn Tower

          เมื่อ AIA ได้ปรับกลยุทธ์ในการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยเพราะมองว่ายังมีโอกาสที่ดีอยู่มากโดยเฉพาะในการเป็นศูนย์กลางของอาเซียนหรือ AEC โดยทาง AIA ได้ลงทุนในการสร้างอาคารสำนักงานในระดับ Premium สองแห่งในประเทศไทยได้แก่ อาคาร AIA Sathorn Tower ตั้งอยู่บนหัวมุมซอยเซนต์หลุยส์ 3 บนถนนสาทรใต้ และ AIA Capital Center ที่ถนนรัชดา ซึ่งต้องถือว่าเป็นอาคารสำนักงานให้เช่าขนาดใหญ่สองแห่งแรกที่ทาง AIA ลงทุนในประเทศไทย โดยมีมูลค่าการลงทุนมากกว่า 10,000 ล้านบาท!! โดยคาดหวังว่าจะให้เป็นอาคารสำนักงานที่ทันสมัยที่สุดในเอเชีย

          อ.ตะวัน เลขะพัฒน์ ได้มีโอกาสในการวางฮวงจุ้ยหนึ่งในอาคารหลักหลักของ AIA ได้แก่อาคาร AIA Sathorn Tower โดยได้ทำงานร่วมกับหนึ่งในบริษัทสถาปนิกชั้นนำ Stephen J Leach, Jr. Associates limited (SL+A Bangkok) ในการวางฮวงจุ้ยอาคารสำนักงานแห่งนี้ เมื่อเริ่มประเมินพื้นที่ของโครงการก็พบว่าเป็นโครงการที่มีลักษณะฮวงจุ้ยที่ดีมากๆ เพราะอยู่ในใจกลางของถนนสาทร อยู่ที่หัวมุมของซอยเซนต์หลุยส์ 3 ตำแหน่งของโครงการนั้นไม่ไกลจากแยกที่ถนนสาทรตัดกับถนนนราธิวาสมากนัก ซึ่งถือว่าเป็นชัยภูมิสำคัญจุดหนึ่งของถนนสาทร เพราะสี่แยกดังกล่าวเป็นจุดที่รถไฟฟ้า BTS ตัดเข้ามายังถนนสาทร ช่วยส่งพลังเข้ามาหล่อเลี้ยงให้สี่แยกบริเวณนั้นมีกระแสพลังเยอะทำให้เจริญรุ่งเรืองมากกว่าจุดอื่นๆ ลองสังเกตว่าอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ รวมไปถึงบริษัทขนาดใหญ่หรือบริษัทข้ามชาติหลายบริษัทจะอยู่ในทำเลนั้น

ตำแหน่งที่ดินของโครงการ AIA Sathorn Tower อยู่ในตำแหน่งที่รับพลังจากถนนสาทร และ รถไฟฟ้า BTS ได้ดี มากไปกว่านั้นถนนซอย (เส้นประสีเหลือง) ถือว่าช่วยในการกักเก็บกระแสพลังดีให้อยู่ในโครงการได้อีกด้วย

          นอกจากจากนี้ที่ซอยเซนต์หลุยส์ 3 หรือ อีกชื่อก็คือซอยสาทร 11 ก็ถือเป็นถนนซอยที่มีคนพลุกพล่าน มีการจราจรที่หนาแน่น ทำให้การที่ที่ดินของโครงการตั้งอยู่หัวมุมถนนด้านก่อนถึงซอย ตามศาสตร์ฮวงจุ้ยถือเป็นชัยภูมิที่เป็นมงคล เพราะถือว่าแนวถนนซอยเป็นเหมือนกับจุดตัดคอยสะสมกระแสพลังจากทั้งถนนสาทรและแนวรถไฟฟ้า BTS ให้เข้ามาสะสมภายในพื้นที่ของโครงการได้ และเมื่อวัดองศาทิศทางก็ปรากฏว่าอาคารนั้นหันไปทางทิศเหนือ ช่องย่อยที่เจอกับองศาโชคลาภของฮวงจุ้ยในยุคที่ 8 (พศ.2547-2567) และองศาที่หันเหนือนั้นยังหมายถึงเรื่องของต่างชาติ ต่างประเทศ นำเข้า ส่งออก เมื่อดูเข้ากับลักษณะของการประกอบธุรกิจของอาคารที่ต้องการเป็นอาคารสำนักงานให้กับบริษัททั้งในและต่างประเทศมาใช้จึงถือว่ามีองค์ประกอบที่เข้ากันได้เป็นอย่างมาก

การออกแบบหน้าอาคาร AIA Sathorn Tower ในหลายๆจุดนั้นใช้ศาสตร์ฮวงจุ้ยเข้ามาประยุกต์กับหลักการทางสถาปัตยกรรมแต่เมื่อสามารถหาจุดร่วมกันได้ ก็ได้อาคารที่ออกมาสวยงามและเป็นมงคลตามหลักฮวงจุ้ยด้วย

          การออกแบบของอาคารจึงเน้นการดึงเอากระแสพลังจากถนนสาทรและรถไฟฟ้า BTS ให้ได้มากที่สุด ตำแหน่งด้านหน้าของอาคารได้รับการออกแบบให้เป็นลานโปร่ง โล่ง ด้านหน้า ไม่มีสิ่งกีดขวาง เพื่อให้กระแสพลังดีของยุคหลากไหลเข้ามาสะสมในที่หน้าอาคารได้มากที่สุด ตำแหน่งประตูถูกวางให้พ้นทั้งตำแหน่งของเสารถไฟฟ้า หรือเสาไฟฟ้าใหญ่บริเวณหน้าโครงการ ประตูหน้าของอาคารถูกออกแบบให้โปร่ง โล่ง และ มีขนาดใหญ่ เพื่อรับกระแสพลังจากภายนอกให้ได้มากที่สุด เพราะต้องนำกระแสพลังนั้นไปหล่อเลี้ยงอาคารทั้งหมด 28 ชั้น พื้นที่มากกว่า 40,000 ตารางเมตร การวางป้ายอาคารนั้นถูกวางให้ช่วยตีโอบถนนที่วิ่งเข้าโครงการให้ดักพลังเข้ามาในตัวโครงการไดง่าย นอกจากนั้นก็ยังทำให้มองเห็นได้ง่ายและเด่น ส่วนสุดมุมของอาคารฝั่งถนนซอยเซนต์หลุยส์ 3 ก็ออกแบบให้มีสะพานลอยที่เชื่อมต่อจากอีกฝั่งของถนนสาทรวิ่งเข้ามาภายในตัวอาคารได้โดยตรง นอกจากจะเป็นการอำนวยความสะดวกกับผู้ใช้อาคารแล้ว ตามศาสตร์ฮวงจุ้ยการวางตำแหน่งสะพานลอยดังกล่าวถือว่าเป็นมงคลอย่างมากในการเก็บกระแสพลังให้กับโครงการ

โถงทางเข้าของตัวอาคารที่ถูกออกแบบให้โปร่ง โล่ง มีขนาดใหญ่ ให้รับกระแสพลังจากถนนสาทรและ BTS ให้มากที่สุด และโถงลิฟท์ก็ถูกวางไว้ในตำแหน่งที่มีฮวงจุ้ยที่ดี ส่งพลังดีให้กระจายทั่วถึงทุกส่วนของอาคาร

          ส่วนการออกแบบโถงทางเข้าภายในของตัวอาคาร จำเป็นต้องได้รับการออกแบบฮวงจุ้ยอย่างพิเศษ เพราะทำเลของถนนสาทรนั้นถือว่าเป็นทำเลหนึ่งที่เป็นมงคลมากๆตามหลักของฮวงจุ้ยในเชิงชัยภูมิ เพราะเป็นทำเลที่มีกระแสพลังมากในลำดับต้นๆของกรุงเทพฯ ตามหลักฮวงจุ้ยเมื่อกระแสพลังมีมาก เราก็ต้องออกแบบโถงประตูหรือโถงทางเข้าอาคาร ที่เปรียบเสมือนเป็น “กระพุ้งแก้ม” ที่คอยสะสมอาหารที่ไปหล่อเลี้ยงร่างกายหรือพื้นที่ในส่วนอื่นๆของอาคารให้ยิ่งใหญ่ตามไปด้วย ดังนั้นโถงทางเข้าของอาคารจึงได้ถูกวางฮวงจุ้ยให้มีขนาด “ใหญ่ที่สุด” เท่าที่จะทำได้ คือยอมเสียพื้นที่ในด้านหน้าของชั้นหนึ่งทั้งหมดหลังจากประตูทางเข้าหลักเพื่อให้เป็นพื้นที่ที่สะสมกระแสพลัง

          ตำแหน่งเคาน์เตอร์นั้นออกแบบให้รับกับทางเดินจากทุกประตู ทั้งประตูหลักด้านที่ติดกับถนนสาทร ประตูรองที่เข้าจากเซนต์หลุยส์ซอย 3 ไปจนถึงตำแหน่งประตูจากลานจอดรถด้วย นอกจากนั้นบริเวณโถงประตูยังออกแบบไม่ให้มีเสาลอยโผล่ขึ้นมาเลย เป็นพื้นที่ใหญ่มากกว่า 400 ตารางเมตร รวมถึงมีความสูงมากเท่ากับอาคารทั่วไปเป็น 3 ชั้น เพื่อให้รับความเป็นมงคลให้ได้มากที่สุด และโถงลิฟท์ซึ่งเป็นเหมือนกับ “มังกร” ตัวหลักของอาคารที่จะคอยส่งพลังไปยังชั้นต่างๆก็อยู่ในตำแหน่งที่เชื่อมต่อจากประตูทางเข้าอาคารโดยตรง เพื่อดึงเอาพลังดีของยุคให้เข้าไปหล่อเลี้ยงชั้นต่างๆของอาคาร กระจายความเป็นมงคลให้ได้ทั่วถึงทั้งอาคาร

ลักษณะของอาคารภายนอกออกแบบให้มีพลังร่วมของ “ธาตุดิน” “ธาตุทอง” และ “ธาตุน้ำ” ที่นอกจากจะส่งเสริมธุรกิจของ AIA แล้ว ยังสามารถดึงเอาพลังดีจากภายนอกเข้ามาเสริมฮวงจุ้ยที่ดีของอาคารได้ด้วย

          ส่วนภายนอกของอาคารนั้นออกแบบโดยใช้หลักของ “ธาตุดิน” “ธาตุทอง” และ “ธาตุน้ำ” ผสมผสานกัน การใช้รูปทรงสี่เหลี่ยมที่ดูหนักแน่นมั่นคง สื่อถึงความเป็น “ธาตุดิน” ช่วยเสริมธุรกิจหลังของ AIA ที่ทำประกันภัยเปรียบเสมือนกับการเก็บสะสมความมั่งคั่งเหมือนกับเป็นดินที่ยิ่งใหญ่ดั่งภูเขา ส่วนการออกแบบอาคารให้มีลายเส้นที่เฉียบความ ทันสมัย มีการใช้วัสดุมันวาว เปรียบเสมือนกับ “ธาตุทอง” เพื่อให้สอดคล้องกับความตั้งใจที่จะเป็นอาคารสำนักงานที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในอาเซียน และ การใช้กระจกใสในสัดส่วนที่เยอะ การใช้ลวดลายซ้ำๆ เปรียบเสมือนกับพลังของ “ธาตุน้ำ” หมายถึงเรื่องของต่างชาติ ต่างประเทศ ธุรกิจทางไกล ให้สอดคล้องกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่จะมาจากต่างชาติหลายแหล่งหลายทิศทาง รวมถึงในทิศหน้าหันของอาคารที่หันสู่ “ทิศเหนือ” ก็มีภูมิพลังแบบ “ธาตุน้ำ” ดังนั้นการออกแบบอาคารที่มีกลิ่นอายของ “ธาตุน้ำ” เองก็ถือว่าจะช่วยดึงเอา “พลังฟ้า” มาเสริม “พลังดิน” หรือฮวงจุ้ยของอาคารได้อย่างมากยิ่งยวดไปด้วย

          เมื่อการวางฮวงจุ้ยที่ดี ร่วมเข้ากับการออกแบบงานสถาปัตยกรรมที่ดี ร่วมกับการใช้เทคโนโลยีหลายอย่างที่ทันสมัย จึงทำให้ AIA Sathorn Tower ถือเป็นอาคารสำนักงานอีกแห่งที่มีความเป็นมงคลตามหลักฮวงจุ้ย และยังมีความสวยงามทันสมัย สมกับความตั้งใจของทาง AIA ที่อยากให้ AIA Sathorn Tower เป็นอาคารสำนักงานในระดับ Premium ที่สุดแห่งหนึ่งของย่านอาเซียน